
เมื่ออ่านรายละเอียด ก็พบว่า เป็นประกาศของโรงพยาบาล โดยตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 เป็นต้นไป โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ จะไม่รับส่งต่อผู้ป่วยจากคลินิคคู่สัญญาสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพราะอีกฝ่ายเบี้ยวหนี้ไม่ยอมจ่ายเงิน

นพ.เหรียญทอง ระบุว่า เมื่อเดือนกรกฎาคม-กันยายน 2563 สปสช. ยกเลิกคลินิกคู่สัญญาเพราะมีการทุจริต และได้ให้ผู้ป่วยบัตรทองจากคลินิกที่ยกเลิกสัญญา มารักษาที่โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะโดยตรง และจะเคลียร์ค่าใช้จ่ายให้เอง
ทว่าเมื่อถึงเดือนตุลาคม 2563 สปสช. กลับชักดาบเบี้ยวหนี้หน้าตาเฉย เพราะไม่มีเงินเคลียร์ให้มูลค่ากว่า 13 ล้านบาท ซ้ำร้ายเงินจำนวนนี้ก็นับเป็นรายได้ที่ต้องเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลแก่สรรพากรอัตรา 20% คิดเป็นเงิน 2.6 ล้านบาทด้วย
เท่ากับว่า นอกจากโรงพยาบาลไม่ได้เงินจากการรักษาผู้ป่วยคลินิกคู่สัญญา สปสช. ที่ทุจริต 13 ล้านบาท ทางโรงพยาบาลจะต้องเสียเงินให้สรรพากรกว่า 2.6 ล้านบาท ทำให้โรงพยาบาลเสียหายกว่า 15.8 ล้านบาท
ด้วยเหตุนี้ โรงพยาบาลจึงไม่ขอรับผู้ป่วยจากคลินิกคู่สัญญาอีก แถมคลินิกที่ถูกจับทุจริต ก็แค่เหล้าเก่าในขวดใหม่เท่านั้น นี่หรือคือธรรมาภิบาล